วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การจัดดอกไม้ทรงพัด

การจัดดอกไม้ทรงพัด

รูปพัด (FAN-SHAPE)


ดอกไม้ที่จัดเป็นรูปพัดนั้นก็คือทรงครึ่งวงกลมนั่นเอง ดอกไม้ที่ใช้ได้ดีในการจัดทรงนี้คือดอกไม้ลักษณะเป็นเส้นแนวเช่น แกลดิโอลัส ลิ้นมังกร ลิอาทรีส สต๊อค กล้วยไม้ช่อ เป็นต้น โดยใช้จัดเป็นรัศมีพุ่งจากจุดศูนย์กลางดังลักษณะโครงสร้างของพัด และใช้ดอกไม้อื่นที่มักจะเป็นดอกไม้กลม ๆ เช่น คาร์เนชั่น หรือกุหลาบ ฯลฯ เติมด้านในระหว่างช่องไฟของดอกที่เป็นเส้นแนว การจัดทรงรูปพัดเป็นลักษณะการจัดที่สองด้านเท่ากัน ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นพิธีการ

ดอกกล้วยไม้และใบในภาพคือเส้นแนวที่เป็นหลักของรูปทรงในการจัดดอกบัว เติมช่องไฟระหว่างเส้นแนวของดอกกล้วยไม้ทำให้พื้นที่ว่างสมบูรณ์ขึ้น รูปทรงนี้นิยมใช้ในงานพิธีต่าง ๆ เช่น การตกแต่งโบสถ์ งานแต่งงาน และงานศพ


1. ตัดฟลอร่าโฟมบรรจุลงภาชนะ


2. ปักกล้วยไม้ให้ได้แนวครึ่งวงกลมตรงกลาง ด้านข้าง 2 ด้าน ปักใบสับหว่างกล้วยไม้


3. ลงดอกและใบจนได้รูปทรงของครึ่งวงกลมหรือทรงพัด


4. ผลงานที่เสร็จเรียบร้อย

การจัดดอกไม้ทรงแนวนอน


การจัดดอกไม้ทรงแนวนอน (HORIZONTAL FORM)


ทรงแนวนอนเป็นรูปทรงของการจัดดอกไม้ที่ดูสงบ ขรึม กฎเกณฑ์ของการจัดทรงนี้ก็คือส่วนที่ยาวออกไปนั้นควรจะยาวกว่าส่วนเด่นของศูนย์กลางหรือ Focal Area หนึ่งเท่าครึ่งถึงสองเท่า ในรูปทรงที่แท้จริงของการจัดทรงนี้ทั้งสองด้านที่นับจากเส้นศูนย์กลางต้องเท่ากัน การจัดดอกไม้ทรงแนวนอนเหมาะในการจัดเป็นเซ็นเตอร์พีซบนโต๊ะอาหารหรือบนโต๊ะประชุม เพราะแนวเส้นด้านนอนของดีไซน์ไม่เกะกะสายตาเมื่อวางอยู่ระหว่างผู้นั่งอยู่ทั้งสองด้าน ในภาพเน้นการจัดทรงแนวนอนโดยใช้ดอกไม้สีอ่อน ดอกไม้ที่ใช้จัดเป็นดอกบัวที่นำมาจัดผสมกับดอกกล้วยไม้ส่วนที่ทอดยาวออกไปทั้งสองด้านจัดวางดูเป็นธรรมชาติ และเห็นได้ว่าดูมีน้ำหนักสมดุลเท่ากันทั้งสองด้าน


1. บรรจุก้อนฟลอร่าโฟมลงภาชนะ


2. ปักใบความยาว 1 เท่าครึ่งของภาชนะออกด้านข้าง 2 ด้านและปักใบจนเต็มปิดปากภาชนะและก้อนฟลอร่าโฟม


3. ปักดอกบัวและดอกกล้วยไม้ลงตามรูปทรงที่ต้องการ

การจัดดอกกุหลาบ

ดอกไม้ที่นิยมนำมาจัดดอกไม้

11



ดอกกุหลาบ ( Roses )

ดอกกุหลาบ มีหลายพันธุ์ และหลายเฉดสี เช่น แดง ชมพู โอโรส ครีม ม่วงอ่อน เหลือง หรือออกส้มหาได้ง่ายและถ้ามีการสั่งจองไว้ก็จะได้ดอกไม้ที่มีคุณภาพและโทนสีตามต้องการ ถ้าจะให้ กุหลาบ อยู่ทนก็ควรเลือก กุหลาบ ที่มีกลีบหนาหน่อย ก้านใหญ่ เพราะจะเหี่ยว หรือคอตกได้ยากกว่า กุหลาบ ที่ก้านเล็กๆ

ดอกคอลล่า ลิลลี่ ( Calla Lily )

จริงๆแล้วก็ไม่เชิงว่าจะเป็น ดอกไม้ ในตระกูลเดียวกับ ดอก ลิลลี่ นะคะ ดอกไม้ ชนิดนี้มีหลายสีทั้ง สีขาว ครีม ส้ม ม่วง และเหลือง ในต่างประเทศนิยมใช้คอลล่า ลิลลี่ ในการจัด ช่อเจ้าสาว อาจจะเป็นคอลล่า ลิลลี่ อย่างเดียว หรือจัดรวมกับ ดอกไม้ ชนิดอื่นก็ได้ เช่น กุหลาบ

ดอกเยอบีร่า เดซี่ ( Gerbera Daisies )

น่าจะเห็นกันได้ทั่วไป มีหลายเฉดสีมากๆ ที่นำมาให้ดูกันเป็นโทนพาสเทล ( Pastal ) ทั้ง ส้ม เหลือง ชมพู แต่ก็จะมีโทนสีเข้มด้วยเช่นกัน บางครั้งก็อาจจะเห็นเป็น ส้ม สด หรือชมพูเข้มกลีบดอกค่อนข้างหนาทำให้เราสามารถเก็บรักษาไว้ได้นานนิยมในการจัดแจ กันหรือซุ้มดอกไม้ใช้แซมไปกับช่อดอกไม้ขอเจ้าสาวแต่ถ้าใช้ทิวลิปอย่างเดียวก็มีโอกาสที่ ช่อเจ้าสาวจะสวยอยู่ได้ไม่นาน มีหลายสีเช่นกันทั้ง ขาว ชมพู ส้ม แดง ม่วงและอีกมากเพราะมีการพัฒนาสายพันธุ์ให้ได้โทนสีแปลกๆอยู่ตลอดเวลา

ดอกกล้วยไม้ ( Orchid ) เดี๋ยวนี้กล้วยไม้ไม่ได้มีแต่สีม่วงขาวหรือชมพูอย่างเมื่อก่อนแล้วนะคะอาจจะเห็นสายพันธุ์ ที่สีสดๆกันมากขึ้นทั้งสีม่วงสดส้มเขียวเหลืองซึ่งราคาก็สูงกว่ากล้วยไม้ธรรมดาๆที่เราใช้ไหว้ พระกันส่วนมากนิยมใช้กล้วยไม้ธรรมดาหรือกล้วยไม้หวายสีขาวและสีม่วงชมพูในการตกแต่ง อาจจะร้อยเป็นสายโยงไปมาหรือปักเป็นพื้นของซุ้มดอกไม้หน้างานหรือนำมาแซมจัดช่อดอกไม้ หรือตระกูลแคทลียาที่มีหลายโทนสีหลายขนาดที่สามารถนำมาประดับตกแต่งผมเจ้าสาวได้อีก

ดอกทิวลิป ( Tulip )

รู้จักกันเป็นอย่างดีแน่นอนแต่ว่าเราจะไม่ค่อยเห็นทิวลิปในการตกแต่งสถานที่เพราะกลีบ ดอกค่อนข้างบางโดนลมไม่นานก็จะเหี่ยวหรือดูไม่สดใสซะแล้วแต่ถ้าเจ้าสาวท่านไหนชอบ ทิวลิปเราก็แนะนำให้นำมาใช้เป็นดอกไม้ประดับผมเจ้าสาวก็ได้คล้ายๆกับดอกคาร์เนชั่น เล็กๆ หรือ ดอกฟรีเซีย

ดอกลิลลี่( Lily )

ดอกไม้ชนิดนี้ได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่าดอกกุหลาบไม่ว่าจะเป็นงานไหนๆก็จะเห็นลิลลี่อยู่ ในทุกๆการประดับตกแต่งสถานที่หรือช่อดอกไม้ใหญ่ๆลิลลี่มีหลายสีและหลายพันธุ์เช่นเดียวกับ กุหลาบ ทั้ง สีขาว ชมพู ส้ม แล้วก็ เหลือง แต่ที่ใช้กับมากก็เห็นจะเป็น สีขาว และ สีชมพู

ดอกลิเซียนตัส ( Lisianthus )

ดอกไม้นอกที่นิยมนำมาจัดช่อดอกไม้หรือนำมาจัดแจกันอีกชนิดหนึ่งหลายๆคนน่าจะเคยเห็น ที่ร้านดอกไม้แต่ก็ยังไม่เป็นที่ใช้กันมากเท่ากันดอกไม้ทั้ง6ชนิดที่กล่าวไปแล้วเห็นผ่านตาบ่อยๆ ก็เลยมาแนะนำให้รู้จักชื่อใหม่ๆกันซักชื่อดอกที่ยังตูมอยู่อาจจะ

การจัดดอกเปิดตัวคู่บ่าวสาว

การจัดดอกไม้ตกแต่งทางเดินเปิดตัวคู่บ่าวสาว

30



พิธีแต่งงานถือเป็นพิธีร่วมสาบานของชายและหญิง ในการตกลงปลงใจว่าจะร่วมเดินเคียงบ่าเคียงไหล่บนเส้นทางสายเดียวกัน และสำหรับการเตรียมงานแต่งงานนอกเหนือจากการ์ดเชิญ ของชำร่วย ชุดแต่งงานแล้ว การตกแต่งสถานที่จัดงานก็เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น กระปุกเวดดิ้งจึงขอนำเสนอสิ่งที่ทุกคนต้องมีในงานแต่งงาน นั่นก็คือ ทางเดินเปิดตัวคู่บ่าวสาว ส่วนจะประกอบด้วยอะไรบ้างนั้น เราไปดูกันเลยจ้า

การจัดทางเดินเปิดตัวคู่บ่าวสาวจะต้องจัดเป็นแนวเรียงกันจากใกล้ไปไกล ซึ่งส่วนประกอบก็ไม่ยุ่งยากและซับซ้อนมาก โดยการตกแต่งทางเดินมีหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าเป็นทางเดินทรงสูง, ทางเดินกรงนก, ทางเดินแจกัน และทางเดินผ้าขาว หรือจะมีการประยุกต์สิ่งของอื่นมาใช้ตกแต่งงานด้วยก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งมีส่วนประกอบ ดังนี้

อันดับแรกส่วนเริ่มทางเดิน บริเวณนี้เป็นที่เริ่มเดินบนพรม รวมทั้งเป็นด่านแรกที่แขกทุกคนต้องเห็นเมื่อเดินเข้ามาในงาน จึงต้องเริ่มจัดแจกันเป็นเสาต้นแรก ซึ่งเสาต้นนี้อาจจะมีการจัดขนาดใหญ่กว่าช่ออื่น ๆ เพื่อที่จะได้ดูสวยงาม ตั้งแต่เริ่มเดินเข้ามาในงาน ส่วนดอกไม้ที่นำมาจัดก็เป็นโทนสีดอกไม้ที่อ้างอิงจากฉากแต่งงาน ให้เป็นโทนสีที่เท่ากันหรืออ่อนกว่า เพื่อจะได้ไม่ไปแย่งซีนฉากแต่งงานที่เป็นไฮไลท์ของงานมากเกินไป อีกทั้งดอกไม้ที่นิยมใช้ในการจัดซุ้มแจกันทางเดิน คือ ดอกกุหลาบ, กล้วยไม้, เบญจมาศ และอาจจะมีการประดับเพิ่มด้วยใบไม้ใหญ่หรือริบบิ้นสีหวาน

ส่วนที่สองเป็นส่วนของทางเดิน ซึ่งทางเดินในที่นี้ขึ้นอยู่กับบ่าวสาวว่าต้องการปูพรมหรือไม่ และต้องคำนึงถึงสีของธีมงานที่ใช้ว่าจะเป็นโทนสีไหน เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วจะปูด้วยพรมสีแดง หรือต้องการโปรยดอกไม้เป็นทางเดิน หรือจะให้เด็กที่เดินนำทางเจ้าสาวมา ค่อย ๆ โปรยทีละนิดตอนเดินเข้ามาก็สามารถทำได้เช่นกัน และโดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้ดอกไม้ ราคาไม่แพง เน้นปริมาณมากหน่อย เช่น ดอกเบญจมาศ, ดอกดาวเรือง, ดอกบัว เป็นต้น

ขณะที่ริมทางเดินจะเป็นส่วนสำคัญมากสำหรับทางเดินเปิดตัวเจ้าบ่าวสาว เพราะในส่วนนี้จะมีการจัดแจกันดอกไม้เป็นเสา ๆ โดยจะจัดใส่ในแจกันหรือห่อโอเอซิสเป็นก้อนกลม แล้วจัดวางบนเสายาวไปจนถึงด้านฉากแต่งงาน ในระหว่างเสาอาจจะใช้ผ้า ดอกไม้ร้อยเป็นเส้นยาว หรือริบบิ้นมาผูกหย่อน ๆ ก็ดูสวยงามเช่นกัน เรียงเป็นแนวยาวลึกเข้าไป โดยความยาวของทางเดินนั้น คู่บ่าวสาวจะต้องเป็นคนกำหนดเอง เพราะบริเวณริมทางเดินก็จะเรียงเก้าอี้ของแขกที่มาร่วมงาน หรือ เป็นการจัดโต๊ะจีนเรียง แต่เว้นช่องว่างตรงกลางให้ใหญ่ เพื่อทำไว้จัดทางเดินเปิดตัวบ่าวสาว ทั้งนี้ ความยาวของทางเดินนั้นอาจจะอยู่ที่ว่าเชิญแขกมาร่วมงานมากน้อยเท่าไหร่ ซึ่งการจัดดอกไม้ในโซนนี้จะใช้แจกันดอกไม้ช่อแรกตอนเริ่มทางเดินเป็นต้นแบบ

ส่วนสุดท้าย คือ ส่วนสิ้นสุดทางเดิน ซึ่งจะสิ้นสุดบริเวณด้านหน้า ก็คือ ฉากแต่งงาน ที่ใช้สำหรับพิธีแต่งงานในลำดับอื่น ๆ ต่อไป บริเวณนี้อาจจัดเป็นดอกไม้สีโทนอ่อน เพื่อจะส่งให้ส่วนให้ฉากแต่งงานดูโดดเด่นขึ้น

การจัดดอกไม้แบบตัวเอส

การจัดดอกไม้ แบบตัวเอส (Hogarth Curve)

12



การจัดดอกไม้ ถือเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่จำเป็นต้องอาศัยทักษะ ประสบการณ์ เพราะจะต้องใช้ดอกไม้ที่แตกต่างกันในหลากหลายสี การไล่โทน การนำเอาดอกไม้หรือใบไม้ ตลอดจนวัสดุต่าง ๆ มาจัดให้อยู่ในองค์ประกอบทางศิลปะ ซึ่งต้องมีความสัมพันธ์กัน และทำให้เกิดมุมมองที่สวยงามนับได้ว่าเป็นศิลปะและวิวัฒนาการที่สืบทอดกันมาช้านานการจัดดอกไม้โดยส่วนใหญ่นิยมจัดเลียนแบบดอก

   หลักการจัดดอกไม้

สิ่งที่ต้องเตรียม

1. ภาชนะสำหรับจัด หมายถึง ภาชนะสำหรับรองรับดอกไม้มีหลายชนิด เช่น แจกันรูปทรงต่าง ๆ เช่น กระบุง ตะกร้า ชะลอม

2. ที่สำหรับรองภาชนะ เมื่อจัดดอกไม้เสร็จควรมีสิ่งรองรับเพื่อความสวยงาม ความโดดเด่นของแจกัน เช่นไม้ไผ่ขัดหรือสานเป็นแพ กระจก แป้นไม้

3. กรรไกรสำหรับตัดแต่ง

4. เครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น ลวด ทราย ดินน้ำมัน กระดาษสี ฟลอร่าเทปสีเขียว ก้านมะพร้าว ลวดเบอร์ 24 และ เบอร์ 30

5. ดอกไม้ประดิษฐ์พร้อมใบไม้สำเร็จ

6. เครื่องประกอบตกแต่ง เช่น กิ่งไม้ ขอนไม้ ตุ๊กตา ขดลวด เป็นต้น

การจัดดอกไม้แบบตัวเอส (Hogarth Curve)

การจัดทรงตัวเอส นิยมจัดในภาชนะทรงสูง เป็นรูปทรงที่เกิดจากการนำเส้นโค้งสองเส้นมาประกอบเข้าด้วยกันเป็นรูปตัวเอส การจัดทรงนี้เป็นแบบอ่อนหวาน ดังนั้นดอกไม้ที่นำมาจัดก็สำคัญเพราะถ้าไม่เข้ากันแล้วจะดูไม่อ่อนหวานทันที เริ่มเลยน่ะค่ะ

1) นำโอเอซิสบรรจุลงแจกันทรงสูง

2)ปักใบสับปะรดไปทางซ้ายและขวาให้อยู่ในรูปทรงตัวเอส แล้วเอาดอกหน้าวัวมากำหนดความกว้างของรูปทรงโดยปักให้ชิดปากแจกันและพยายามให้ปิดโอเอซิส ต่อมานำดอกเฮลิโคเนียร์ปักเพื่อกำหนดความสูงของรูปทรง

3) ปักใบเล็บครุฑกระจกปิดเทคนิค ปักดอกลิลลี่ให้เป็นจุดเด่นกลางภาชนะ

4) )ปักคริสซานติมัมและคลาสเตอร์เสริมรูปทรงแล้วปิดเทคนิคด้วยใบเล็บครุฑผักชี

ข้อควรระวัง

1)ปักก้านทุกก้านสู่จุดศูนย์กลาง

2)ตัดก้านดอกเฉียงมากๆและปักลึกพอสมควร

3)ให้โอเอซิสสูงกว่าขอบแจกันมากๆเพราะจะต้องปักย้อยลงมาข้างล่างด้วย

4) ตัวโอเอซิสสำหรับทรงนี้ควรคลุมด้วยลวดตาข่ายช่วยโอเอซิสแตกได้ยาก

5)อย่าให้ก้านขัดหรือไขว้ไปมา

6)เวลาปักอย่าให้โคนก้านชนกันเพราะจะทำให้ดูดน้ำได้ยากและโอเอซิสแตกง่าย

7)ปักให้เกิดความสมดุลย์ในรูปทรงมากที่สุด

การจัดดอกไม้สมัยใหม่

หัวใจของงานออกแบบจัดดอกไม้สมัยใหม่

60



องค์ประกอบอันสมบูรณ์แบบ คือ หัวใจของการออกแบบงานดอกไม้ ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง เส้นสาย สีสัน สัดส่วน พื้นผิว ความสมดุลย์ จังหวะการเคลื่อนไหว การใช้พื้นที่ และการเว้นที่ว่าง แม้กระทั่งความหมายตามบริบทของวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน หรือ ความเคารพ ในความงามที่ธรรมชาติหยิบยื่นให้แก่มนุษยชน ได้มารวมอยู่ในประเด็นอันหลากหลาย ที่ผมได้รวบรวม กลั่นกรอง และถ่ายทอด ผ่านบทความ เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ส่วนตัวของผมที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดดอกไม้สด ทั้งนี้ เพราะผลงานทุกชิ้น ที่มีความงดงามและเต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ล้วนเป็นผลลัพธ์จากการสร้างงานด้วยความซาบซึ้ง และความเข้าใจในรูปทรง รากฐาน โครงสร้าง และวัตถุดิบ อย่างถ่องแท้ แม่แบบที่ผมกำลังจะกล่าวถึง เป็นรากฐานอันสำคัญ ของการออกแบบงานจัดดอกไม้ร่วมสมัย ดั่งเช่นลำแสงสีทั้งเจ็ดกอปรขึ้นมาเป็นสายรุ้งอันงดงามเรืองรอง โดยเริ่มจากความเข้าใจใน แต่ละแม่แบบจนสามารถสร้างสรรค์ผลงานภายในกรอบของแม่แบบนั้นได้อย่างแม่นยำ แล้วจึงพัฒนาต่อไปด้วยการผสมผสาน ตีความ และประยุกต์ใช้ระหว่างแม่แบบ จนออกมาเป็นผลงานศิลป์หลากสีหลายรูปทรงอันตระการตา แล้วคุณจะค้นพบว่า เมื่อคุณเข้าใจ ถึงรากฐานอันเป็นแก่นสารของการออกแบบแล้ว ความเป็นไปได้ของการรังสรรค์งานจัดดอกไม้นั้นไม่มีที่สิ้นสุด และนี่คือ “ความลับทางคณิตศาสตร์” ที่อยูเบื้องหลังการสร้างสรรค์ผลงานของผมทุกชิ้น…”

กล้าหาญ เฉียบแหลม และตระการตา นับเป็นคำจำกัดความของผลงานออกแบบ การจัดดอกไม้สมัยใหม่ โดย สกุล อินทกุล ซึ่งถูกนำมาจัดแสดงเป็นนิทรรศการใหม่ล่าสุด ณ โรงแรมแทมมาริน วิลเลจ เชียงใหม่ นิทรรศการ “FlorESSENCE หัวใจของงานออกแบบ จัดดอกไม้สมัยใหม่” รวบรวมผลงานออกแบบและจัดดอกไม้ของ สกุล อินทกุล ศิลปินแนวหน้าของประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “ศิลปะแห่งการสร้างสรรค์งานจัดดอกไม้” โดยจุดเด่นของงานนิทรรศการนี้ คือ งานประติมากรรมดอกไม้สด ที่ สกุล อินทกุล ลงมือรังสรรค์สำหรับงานนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะจัดแสดงร่วมกับภาพถ่ายบันทึกผลงานชิ้นเอก ที่กลั่นกรองมาจากประสบการณ์การเป็นศิลปินผู้สร้างงานดอกไม้ ผนวกกับความหลงใหล ในความงามของธรรมชาติมานับทศวรรษ พร้อมกันนี้ สกุล อินทกุล ได้เปิดตัวหนังสือ เล่มใหม่ล่าสุด “FlorESSENCE: Essence of Modern Flower Design” เคียงคู่ไปกับนิทรรศการในชื่อเดียวกัน ซึ่งหนังสือเล่มนี้ เป็นเล่มแรกของชุดหนังสือ 2 เล่มที่ สกุล อินทกุล จะเผยหัวใจสำคัญของงานออกแบบจัดดอกไม้สมัยใหม่ จากผลงานหลายเล่ม หลากแง่มุมอันได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น อาทิ “ดอกไม้ไทย วัฒนธรรมดอกไม้แห่งชาติ” ซึ่งเน้นแสดงให้เห็นถึงงานดอกไม้ในบริบทต่าง ๆ ของวัฒนธรรมไทย หรือ “Tropical Colors: The Art of Living with Tropical Flowers” ที่บรรยายถึงความสุนทรีย์ในการใช้ชีวิตอันแวดล้อมด้วยความสวยงามของ ดอกไม้เมืองร้อน “FlorESSENCE” ถือเป็นการฉีกแนวจากผลงานในอดีตอย่างสิ้นเชิง ด้วยการเชื่อมโยงงานออกแบบดอกไม้ กับกฎเกณฑ์ทางคณิตศาสตร์ ซึ่ง สกุล อินทกุล ถือเป็นแม่แบบหลักในการออกแบบงานจัดดอกไม้ หนังสือเล่มนี้จึงนับเป็นหนึ่ง ในบันทึกประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของวงการการจัดดอกไม้โลก ความลับทางคณิตศาสตร์ที่เป็นรากฐานของการออกแบบดอกไม้ของ สกุล อินทกุล ถูกเผยตัวผ่าน 4 บท 4 แม่แบบ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงเรขาคณิต อันเป็นรูปทรงพื้นฐานของทุกสิ่งในจักรวาล คือ The Vertical หรือ แนวดิ่ง The Horizontal หรือ แนวนอน Cubes & Squares หรือ รูปทรงสี่เหลี่ยมและลูกบาศก์ และท้ายที่สุด Circles & Spheres หรือ วงกลมและทรงกลม ซึ่งเนื้อความและผลงานที่ถูกรวบรวมไว้ในแต่ละบทเต็มไปด้วยสีสัน จินตนาการ และความหมายลึกซึ้ง ที่ถูกร้อยรวมให้เป็นหนึ่งเดียวกันด้วยรูปทรงเรขาคณิตง่าย ๆ ซึ่ง สกุล อินทกุล ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ให้กับศิลปะการสร้างสรรค์งานดอกไม้และการชื่นชมความงามทางธรรมชาติจากมุมมองที่ไม่มีใครเหมือน

การจัดดอกไม้ทรงบอล

การจัดดอกไม้ทรงบอล

48

  การจัดดอกไม้คือ
การนำทุกส่วนของต้นไม้ ตั้งแต่ดอกใบ ก้าน ลำต้น หน่อ เป็นต้น มาจัดแต่งให้สวยงาม แต่ใหญ่เราใช้ใบและดอกเท่านั้น การจัดดอกไม้ให้สวยงามยิ่งขึ้น บางครั้งจะต้องนำสิ่งอื่นมาร่วมจัดด้วย เช่น กระดาษ ริบบิ้น โบ ผ้า ตัวสัตว์ มาแต่งประดับ แต่สิ่งเหล่านั้นจะต้องถูกเคลือบด้วยน้ำยากันเปียกก่อนนำมาใช้ การจัดดอกไม้จึงประกอบไปด้วยวัสดุ-อุปกรณ์ในการจัดดอกไม้ ผู้จัดดอกไม้จึงควรเรียนรู้องค์ประกอบของการจัดดอกไม้

ข้อพึงปฏิบัติในการจัดดอกไม้

1. การจัดดอกไม้ทุกครั้งต้องใส่น้ำ เพราะน้ำเป็นอาหารของดอกไม้ ทำให้อายุการใช้งานอยู่ได้นาน

2. ภาชนะที่ใช้จัดดอกไม้ต้องเก็บน้ำได้ ไม่รั่ว ไม่มีรอยร้าว ไม่มีรู้

3. การจัดดอกไม้ต้องประกอบด้วยดอกและใบหรือกิ่งเสมอ

4.ก่อนจัดจะต้องทำความสะอาดของที่นำมาจัดทุกชิ้นให้สะอาด เพื่อยืดอายุการใช้งาน

5.ฟรอร่าโฟม เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เป็นที่ยึดดอกไม้ ก่อนนำไปใช้จะต้องแช่น้ำให้อิ่มตัวก่อนจะนำไปใช้จัด

6.การเลือกดอกไม้เพื่อจัดดอกที่เด่นที่สุดปักตรงตรงจุดสนใจ ดอกที่มีความเด่นน้อยลงหลั่นลงไปปักที่อื่นๆที่ไม่ใช่จัดสนใจ ดอกยอดหรือแนวข้างมักใช้ดอกเล็ก ดอกตูมหรือแย้ม

7. หลักการจัดดอกไม้แบ่งออกเป็นหลักใหญ่ๆได้ 2 แบบ คือการจัดจากด้านนอกเข้าสู่ด้านในของแจกัน การจัดดอกไม้จากจุดเด่นของแจกันสู่เส้นรอบด้านของการจัดดอกไม้

8.การจัดดอกไม้จากจุดเด่นของแจกัน ถ้าอยู่สูงเกินไปจะทำให้เห็นก้านดอกไม้ เมื่อปักดอกไม้เสร็จแล้วจะไม่ค่อยสวย

9.มีดกรรไกรที่ใช้ในงานดอกไม้จะต้องคม สะดวกในการใช้ มิฉะนั้นทำให้ดอกไม้ใบไม้ซ้ำได้

10.วัสดุ-อุปกรณ์ทุกชนิดที่นำมาใช้กับงานดอกไม้ ควรเน้นสิ่งที่ถูกน้ำได้ไม่เสียหาย เพราะงานที่ใช้กับดอกไม้สดจะต้องฉีดน้ำอยู่เสมอ

วัสดุและอุปกรณ์

1.กระถางพร้อมจานรอง

2.โฟมจัดดอกไม้

3.ดอกกุหลาบ

4.ดอกคาสเตอร์

5.ใบโปร่งฟ้า

6.กิ่งไม้แห้ง ยาวประมาณ 12 นิ้ว

ขั้นตอนการจัด

1.เตรียมโฟมจัดดอกไม้ 2 ส่วน ส่วนที่1 ให้บรรจุลงในกระถาง ส่วนที่ 2 เกลาให้กลม แล้วนำกิ่งไม้แห้งมาเสียบที่ไฟมกลมส่วนปลายไม้อีกด้านหนึ่งให้ปักลงกระถาง

2.ตัดก้านดอกกุหลาบยาว 1-1.5 นิ้ว ปักดอกกุหลาบห้ได้ 4 ทิศทางและดอกส่วนบนอีก 1 ดอก

3.ปักดอกกุหลาบให้สับหว่างตามช่องว่างระหว่างดอกไม้ให้ได้ช่วงจังหวะที่สม่ำเสมอ

4.ปักใบโปร่งฟ้าสั้นๆตามช่องว่างระหว่างดอกกุหลาบ

5.ปักใบโปร่งฟ้าที่ปากกระถางให้ปิดโฟมจัดดอกไม้

6.ปักดอกคาสเตอร์ตกแต่งแล้วผูกโบติดที่กิ่งให้สวยงาม

การจัดดอกไม้งานแต่ง

ไอเดียในการจัดดอกไม้งานแต่ง

2

        พิธีแต่งงานถือเป็นพิธีร่วมสาบานของชายและหญิง ในการตกลงปลงใจว่าจะร่วมเดินเคียงบ่าเคียงไหล่บนเส้นทางสายเดียวกัน และสำหรับการเตรียมงานแต่งงานนอกเหนือจากการ์ดเชิญ ของชำร่วย ชุดแต่งงานแล้ว การตกแต่งสถานที่จัดงานก็เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น เราจึงขอนำเสนอสิ่งที่ทุกคนต้องมีในงานแต่งงาน นั่นก็คือ ทางเดินเปิดตัวคู่บ่าวสาว ส่วนจะประกอบด้วยอะไรบ้างนั้น เราไปดูกันเลยจ้า

การจัดทางเดินเปิดตัวคู่บ่าวสาวจะต้องจัดเป็นแนวเรียงกันจากใกล้ไปไกล ซึ่งส่วนประกอบก็ไม่ยุ่งยากและซับซ้อนมาก โดยการตกแต่งทางเดินมีหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าเป็นทางเดินทรงสูง, ทางเดินกรงนก, ทางเดินแจกัน และทางเดินผ้าขาว หรือจะมีการประยุกต์สิ่งของอื่นมาใช้ตกแต่งงานด้วยก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งมีส่วนประกอบ ดังนี้

อันดับแรกส่วนเริ่มทางเดิน บริเวณนี้เป็นที่เริ่มเดินบนพรม รวมทั้งเป็นด่านแรกที่แขกทุกคนต้องเห็นเมื่อเดินเข้ามาในงาน จึงต้องเริ่มจัดแจกันเป็นเสาต้นแรก ซึ่งเสาต้นนี้อาจจะมีการจัดขนาดใหญ่กว่าช่ออื่น ๆ เพื่อที่จะได้ดูสวยงาม ตั้งแต่เริ่มเดินเข้ามาในงาน ส่วนดอกไม้ที่นำมาจัดก็เป็นโทนสีดอกไม้ที่อ้างอิงจากฉากแต่งงาน ให้เป็นโทนสีที่เท่ากันหรืออ่อนกว่า เพื่อจะได้ไม่ไปแย่งซีนฉากแต่งงานที่เป็นไฮไลท์ของงานมากเกินไป อีกทั้งดอกไม้ที่นิยมใช้ในการจัดซุ้มแจกันทางเดิน คือ ดอกกุหลาบ, กล้วยไม้, เบญจมาศ และอาจจะมีการประดับเพิ่มด้วยใบไม้ใหญ่หรือริบบิ้นสีหวาน

ส่วนที่สองเป็นส่วนของทางเดิน ซึ่งทางเดินในที่นี้ขึ้นอยู่กับบ่าวสาวว่าต้องการปูพรมหรือไม่ และต้องคำนึงถึงสีของธีมงานที่ใช้ว่าจะเป็นโทนสีไหน เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วจะปูด้วยพรมสีแดง หรือต้องการโปรยดอกไม้เป็นทางเดิน หรือจะให้เด็กที่เดินนำทางเจ้าสาวมา ค่อย ๆ โปรยทีละนิดตอนเดินเข้ามาก็สามารถทำได้เช่นกัน และโดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้ดอกไม้ ราคาไม่แพง เน้นปริมาณมากหน่อย เช่น ดอกเบญจมาศ, ดอกดาวเรือง, ดอกบัว เป็นต้น

ขณะที่ริมทางเดินจะเป็นส่วนสำคัญมากสำหรับทางเดินเปิดตัวเจ้าบ่าวสาว เพราะในส่วนนี้จะมีการจัดแจกันดอกไม้เป็นเสา ๆ โดยจะจัดใส่ในแจกันหรือห่อโอเอซิสเป็นก้อนกลม แล้วจัดวางบนเสายาวไปจนถึงด้านฉากแต่งงาน ในระหว่างเสาอาจจะใช้ผ้า ดอกไม้ร้อยเป็นเส้นยาว หรือริบบิ้นมาผูกหย่อน ๆ ก็ดูสวยงามเช่นกัน เรียงเป็นแนวยาวลึกเข้าไป โดยความยาวของทางเดินนั้น คู่บ่าวสาวจะต้องเป็นคนกำหนดเอง เพราะบริเวณริมทางเดินก็จะเรียงเก้าอี้ของแขกที่มาร่วมงาน หรือ เป็นการจัดโต๊ะจีนเรียง แต่เว้นช่องว่างตรงกลางให้ใหญ่ เพื่อทำไว้จัดทางเดินเปิดตัวบ่าวสาว ทั้งนี้ ความยาวของทางเดินนั้นอาจจะอยู่ที่ว่าเชิญแขกมาร่วมงานมากน้อยเท่าไหร่ ซึ่งการจัดดอกไม้ในโซนนี้จะใช้แจกันดอกไม้ช่อแรกตอนเริ่มทางเดินเป็นต้นแบ

ส่วนสุดท้าย คือ ส่วนสิ้นสุดทางเดิน ซึ่งจะสิ้นสุดบริเวณด้านหน้า ก็คือ ฉากแต่งงาน ที่ใช้สำหรับพิธีแต่งงานในลำดับอื่น ๆ ต่อไป บริเวณนี้อาจจัดเป็นดอกไม้สีโทนอ่อน เพื่อจะส่งให้ส่วนให้ฉากแต่งงานดูโดดเด่นขึ้น

การจัดดอกไม้ฉากหลังซุ้มแต่งงาน

การจัดดอกไม้ฉากหลังซุ้มแต่งงาน

22

     ในงานแต่งงาน “ดอกไม้” ถือเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมให้ภายในงานดูสดชื่นและหวานขึ้น โดยเฉพาะกับซุ้มดอกไม้ หรือฉากพื้นหลังที่ใช้สำหรับยืนต้อนรับแขกและร่วมถ่ายภาพความประทับใจ ก็คงหนีไม่พ้นฉากแต่งงานก็เป็นส่วนสำคัญในการแต่งงาน เพราะเปรียบเหมือนจุดที่รวมทุกคนที่มาร่วมงาน แต่จะจัดฉากแต่งงานด้วยดอกไม้สดอย่างไรให้ดูสวย สดชื่น รวมถึงไม่แย่งซีนกันจนเกินไป วันนี้เราเลยนำเอาหลักในการจัดดอกไม้นำมาฝากค่ะ

ส่วนใหญ่แล้วฉากแต่งงานที่จัดดอกไม้ด้วยดอกไม้สดนั้น จะไม่ใช้ดอกไม้ในการจัดบริเวณด้านฉากหลัง เหมือนการจัดดอกไม้แบบสามมิติ แต่จะจัดบริเวณด้านบนสุดและด้านข้างเท่านั้น ทั้งนี้ ก็เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองจนเกินไป โดยฉากหลังจะเน้นใช้ผ้าหรือใบไม้สีเขียว อาทิ ใบตอง, ใบบัว, ต้นกก และใบเฟิร์น เป็นต้น

ขณะที่ดอกไม้ยอดนิยมที่นำมาจัด ก็คือ ดอกกุหลาบ, กล้วยไม้, เยอบีร่า, ดอกเบญจมาศ และดอกลิลลี่ ฯลฯ และสีของดอกไม้จะไม่นิยมจัดดอกไม้สีเดียวกันเหมือนกัน แต่จะเป็นการสลับดอกไม้สีใกล้เคียงกัน โดยจะเลือกดอกไม้ที่เป็นโทนสีที่ต้องการมาเป็นสีหลัก และเลือกดอกไม้สีอ่อนมาจัดเป็นดอกไม้โทนสีพื้น เพื่อให้มีความโดดเด่นและหลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น

ธีมงานแต่งงานเป็นสีสดใส : ดอกไม้สีส้มและสีแดง แซมด้วยดอกไม้สีขาวและสีเหลืองเป็นพื้น จะทำให้ดอกไม้สีเข้มอย่างสีแดงและสีส้มดูโดดเด่นขึ้น อีกทั้งยังปรับให้โทนสีดอกไม้ดูไม่แรงจนเกินไป

ธีมงานแต่งงานเป็นโทนสีหวาน : ดอกไม้สีบานเย็นและสีชมพู ควรจัดแซมด้วยดอกไม้สีชมพูอ่อน ดอกไม้สีขาว และดอกไม้สีม่วงอ่อน โดยดอกไม้โทนสีอ่อนจะช่วยให้ดอกไม้สีชมพูดูโดดเด่นขึ้น

ธีมงานแต่งงานโทนขาวบริสุทธิ์ : ดอกไม้สีขาวควรจัดแซมด้วยดอกไม้สีเขียว เพื่อให้สีเขียวเป็นพื้นให้ดอกไม้สีขาวดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ในการจัดดอกไม้แต่ละครั้ง ในฉากแต่งงานอาจมีเพิ่มเครื่องประดับอื่นเข้าไปด้วยก็สามารถทำได้ เช่น ลูกบอลสีเงิน , สร้อยคริสตัล, กิ่งไม้, ผลไม้สด หรือจะเป็นดอกไม้ที่ร้อยเป็นเส้นยาว ๆ อย่างดอกรัก ดอกมะลิ เพื่อเพิ่มความสวยให้ดูแปลกตามากยิ่งขึ้นค่ะ และยังถือเป็นการประยุกต์การจัดดอกไม้อีกด้วยค่ะ

การจัดช่อบูเก้กุหลาบ

การจัดช่อบูเก้กุหลาบ

12



นอกจากเครื่องประดับต่าง ๆ แล้ว ดูเหมือนว่า ช่อบูเก้เจ้าสาว จะเป็นอีกหนึ่งแอคเซสเซอรี่ที่สำคัญไม่น้อย เพราะนอกจากจะใช้ถือเข้าร่วมพิธีแล้ว ยังใช้โยนให้กับบรรดาสาวโสดตามธรรมเนียมประเพณีการโยนช่อดอกไม้ของเจ้าสาว กับความเชื่อที่ว่า หากสาวโสดสามารถรับช่อบูเก้เจ้าสาวได้จะกลายเป็นเจ้าสาวคนต่อไปด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นพิธีแต่งงานของชาวตะวันตก แต่เจ้าสาวชาวไทยกลับนิยมชมชอบไม่น้อย

เพราะฉะนั้น ช่อบูเก้เจ้าสาว จึงต้องคัดสรรกันซะน้อย ซึ่งอันดับแรกต้องเลือกให้เข้ากันดีกับชุดเจ้าสาว และควรคำนึงถึงธีมของงานแต่งงานด้วย ทางที่ดีเลือกช่อที่มีสีสันสดใสพอประมาณจะดีกว่า และหากชุดเจ้าสาวมีรายละเอียดมากพอแล้ว ก็ให้เลือกช่อดอกไม้สีเรียบ ๆ แต่ถ้าเป็นชุดเจ้าสาวเรียบ ๆ ก็สามารถเลือกช่อบูเก้ดีไซน์แจ่ม ๆ ได้เลย

การจัดช่อบูเก้กุหลาบ

ด้วยจุดประสงค์ที่จะสอนจัดดอกไม้ฟรีให้กับผู้สนใจในweb :กุหลาบม่วง com. ก็มีผู้เข้ามาชมเยอะทีเดียว ขอบคุณค่ะ และถ้าจะเข้ามาพูดคุยหรือซักถามข้อสงสัยดิฉันก็ยินดี วันนี้จะสอนจัดดอกไม้ฟรีคือช่อบูเก้กุหลาบแบบง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวเองง่ายๆ และใช้ในโอกาสรับปริญญา วันเกิด เลื่อนตำแหน่ง

อุปกรณ์

1. ช่อกุหลาบขาว 1ช่อ ที่ร้านจะเรียกช่อบู๊ท ประกอบด้วยกุหลาบ ดอกแซมและใบ

2. กระดาษสาม้วนสีแดงมารูน(แดงเข้ม)

3. ริบบิ้นสีแดงสีเขียว เส้นมุก (ทำเป็นช่อโบว์ สอนวิธีทำครั้งที่แล้ว)

4. กระดาษฟอย

5. สก็อตเทป กรรไกร ปืนกาวและกาวเทียน

6. ไม้ตะเกียบ2อัน

วิธีจัด

1. นำช่อกุหลาบ ไม้ตะเกียบมามัดติดกันด้วยลวดหรือสก็อตเทปให้แน่นเพื่อต่อก้านให้ยาว

2. ตัดกระดาษสายาว 37 ซม. กว้าง 50 ซม. จำนวน 4 แผ่น ในแต่ละแผ่นพับครึ่งลงมาจะได้ขนาด 25×37 ซม. จับจีบแบบพัดใช้สก็อตเทปพันให้แน่น จากนั้นพับขอบกระดาษด้านข้างเข้าไปข้างในทั้ง 2 ข้าง แล้วตรงใกล้รอยจีบดันกระดาษให้เป็นกระพุ่ม ทำทั้ง 4อัน

3. นำกระดาษชิ้นแรกมาติดเข้าไปในช่อ พันสก็อตเทปให้แน่น

4. นำกระดาษชิ้นที่ 2 มาซ้อนลงให้เหลื่อมพอประมาณกับชิ้นที่ 1 นำชิ้นท่ี 3และ 4 วางเหลื่อมกันจนพันรอบช่อดอกไม้

5. นำกระดาษฟอยมาปิดรอยกระดาษสาและตะเกียบ พันสก็อตเทปให้แน่น

6. ตัดกระดาษสายาว25ซม. พับลงมาให้เหลื่อมตามภาพ นำมาห่อปิดกระดาษฟอยอีกที ใช้ปืนกาวปิดรอยต่อให้แน่น

7. นำดอกโบว์ที่ทำเรียบร้อยแล้วมามัดที่โคนช่อดอกไม้ให้แน่น

เป็นไงคะเป็นวิธีการจัดแบบง่าย ๆ ลองทำดูนะคะ. และเพิ่มความเรียบร้อยรัดกุมอีกทีโดยใช้ปืนกาวยิงที่กระดาษสาที่ห่อหุ้มช่อให้ติดแน่น หรือใช้ Max ติดก็ได้ จบค่ะ สอนจัดดอกไม้ฟรี จัดดอกไม้ฟรี และจัดดอกไม้ฟรีด้วยและเพื่อให้ทันสมัยกับยุคของแพง ครั้งหน้างดสอนดอกไม้ฟรีก่อน เปลี่ยนมาเป็นสอนการเพาะถั่วงอกไว้กินเองที่บ้านแบบง่ายๆ พร้อมแถมสูตรก๊วยเตี๋ยวผัดไทย แสนอร่อยจากสูตรครัวไทยสู่ครัวโลก

112

  

เซ็นเตอร์พีซของประดับที่ช่วยให้บรรยากาศภายในงานแต่งสดชื่น เต็มไปด้วยชีวิตชีวา และมีสีสันมากขึ้นเยอะเลย ซึ่งส่วนใหญ่จะนำดอกไม้นานาชนิดมาจัดแต่งเอาไว้บนแจกัน ทั้งนี้ เพื่อสร้างความแตกต่างและจุดเด่นให้กับงานแต่งงาน เราก็เลยนำขั้นตอนการทำเซ็นเตอร์พีซแบบง่าย ๆ จากเว็บไซต์มาฝากกัน เชื่อว่าผักผลไม้เหล่านี้จะช่วยให้แขกประทับใจ แถมบ่าวสาวยังจะจดจำไปอีกนานแสนเลยทีเดียว

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

สับปะรดหรือผลไม้อื่น ๆ อย่างเช่น แตงโม แตงไทย แคนตาลูป หรือเมลอน เป็นต้น

ดอกไม้หลากสีสัน

ฟลอร่าโฟม (โอเอซิส)

แก้วทรงกระบอกขนาดเล็ก

กรรไกร

มีด

วิธีทำ

1. ฝานหัวของสับปะรดหรือผลไม้ที่ต้องการออก พร้อมกับตัดแต่งผิวด้านบนให้เรียบเสมอกันทั่วทั้งหมด

2. ใช้มีดปลายแหลมคว้านเนื้อหรือแกนของผลไม้ออกมา ขนาดความกว้างของเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 นิ้ว ทั้งนี้ สามารถปรับเปลี่ยนได้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผลไม้ที่นำมาใช้ เพื่อทำช่องว่างสำหรับใส่แก้ว

3. ตัดแต่งฟลอร่าโฟมให้พอดีกับขนาดของแก้ว

4. นำฟลอร่าโฟมใส่ลงไปในแก้ว

5. จากนั้นนำแก้วสอดเข้าไปตรงกลางของเนื้อผลไม้

6. เทน้ำเปล่าลงไปฟลอร่าโฟมให้ชุ่มพอประมาณก่อนจะดอกไม้มาปักลงไป

7. จัดแต่งเหล่าดอกไม้ให้สวยงาม

ใครจะเชื่อว่าเหล่าผักผลไม้ที่นำมารับประทานกันอยู่ทุกฤดูกาล จะสามารถเนรมิตเป็นเซ็นเตอร์พีซสวย ๆ โดนใจได้ขนาดนี้ แถมยังทำได้ด้วยตัวเอง ในขณะเดียวกันสีสันและความสดใสก็ช่างเป็นใจให้งานแต่งงานครั้งนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความสุขและเสียงหัวเราะที่น่าประทับอีกด้วย

การจัดดอกไม้ทรงสูง

การจัดดอกไม้ทรงสูง


การจัดดอกไม้สดให้สวยงาม จำเป็นต้องคำนึงถึงลักษณะของห้อง ตำแหน่งที่จะวางประดับ รูปทรงพื้นฐาน ขนาดที่ต้องการ รวมถึงดอกไม้ที่มีอยู่
การจัดดอกไม้ทรงสูง
การจัดดอกไม้ทรงสูงจะให้ความรู้สึกมีราคาค่างวดมากกว่าดอกไม้ทรงอื่นๆ เหตุเพราะมองดูสง่าและเด่น
การจัดดอกไม้ทรงสูง คือจัดให้ดอกไม้พ้นจากขอบแจกัน สูงขึ้นด้านบน หนึ่งเท่าครึ่ง ถึงสองเท่าของความสูงของแจกัน

วิธีการจัด
ปักดอกสูงสุดก่อนหนึ่งดอก ให้มีความสูง 1 - 11/2 เท่าของความสูงแจกัน แล้วปักดอกต่อไปให้ลดหลั่นลงมาเป็นระยะ และปักแซมด้วยใบไม้และดอกไม้เสริมให้สวยงาม การจัดดอกไม้ทรงสูงอาจดัดแปลงไปใช้ภาชนะอย่างอื่นแทนแจกันก็ได้ เช่น ตะกร้า เปลือกไม้ หรือท่อนไม้จากธรรมชาติ



รูปทรงครึ่งวงพระจันทร์

การจัดดอกไม้รูปทรงครึ่งวงพระจันทร์


การจัดดอกไม้ให้ทอดก้านอ่อนโค้งเป็นวงดูคล้ายรูปทรงครึ่งวงพระจนทร์ เป็นรูปทรงคลาสสิกที่นิยมมาช้านาน ซึ่งสามารถพบเห็นได้ในงานจิตรกรรมราวยุคศตวรรษที่ 16 การจัดดอกไม้รูปทรงนี้ไม่ค่อยเห็นโดยทั่วไป นอกจากงานที่เป็นพิธีการมากกว่าปกติ เมื่อเริ่มลงมือจัดผู้จัดต้องคัดเลือกดอกไม้ ใบไม้ รวมทั้งวัสดุประกอบ เช่นกิ่งไม้และอื่นๆให้มีกิ่งก้านที่งอโค้งอยู่แล้วมาใช้เพื่อง่ายต่อการกำหนดรูปทรงของอะเรนจเม้นท์ โดยการสร้างเส้นแนวหลัก ซึ่งได้ก้านที่ทอดตัวโค้งทางด้านบนและด้านล่างเท่านั้น ดอกไม้ และใบไม้อื่นไม่จำเป็นต้องอ่อนโค้งไปทุกๆก้าน เพียงแค่ปักให้ขนานไปกับเส้นแนวที่ต้องกำหนดไว้ตอนแรกก็พอ

 
      ๑. ช่อดอกไม้ในภาพ เริ่มจากใช้ดอกทิวลิป(Tulip) ที่มีก้านอ่อนโค้งมาปักทางด้านบนให้ทอดตัวเชื่อมต่อกันเป็นแนวโค้งครึ่งวงกลม หลังจากนั้นจึงปักก้านต่อๆไปให้มีขนาดสั้นเข้ามาจนถึงจุดกึ่งกลาง ซึ่งควรปักดอกที่เป็นจุดศูนย์กลางยื่นล้ำออกมาทางด้านหน้าและล้ำเลยออกไปทางด้านหลังเพื่อให้เกิดมิติและดูสมดุลย์เมื่อมองจากทุกด้าน


๒. ขั้นต่อไป ปักดอกสโนว์บอลที่เป็นดอกกลมฟูสีอ่อนๆหรือขาว ตามด้วยใบแววมยุรา และใบเฟิร์นเจ้าหญิง ใบแววมยุราจะช่วยเน้นเส้นแนวโค้งของครึ่งวงกลมให้ชัดเจนขึ้น ส่วนใบเฟิร์นเจ้าหญิงจะช่วยปกปิดส่วนที่ไม่เรียบร้อยจากสายตาคนมอง แล้วจึงแซมด้วยดอกแว็กซ์ดอกเล็กๆสีชมพู


๓. เสร็จแล้วใช้ไม้พันทับริบบิ้นซึ่งนำมาทบเป็นวงแล้วสะบัดชายไปด้านหลังเพื่อนำไปปักประดับให้ดูคล้ายโบว์ สุดท้ายปักสายมุกประดับให้ดูอ่อนหวานและมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น


จัดดอกไม้ ๓ ต้องผ่านการลองจัดของจัดดอกไม้ ๑ และ ๒ ก่อนน่ะค่ะ ไม่งั้นจะไม่เข้าใจค่ะ เพราะเขียนเคร่าๆเท่านั้นน่ะค่ะ

การจัดดอกไม้ทรงสามเหลี่ยม

การจัดดอกไม้ทรงสามเหลี่ยม




เนื่องจากมีบางทรงยังไม่ได้เรียน และช่วงนี้งดเรียนชั่วคราวค่ะ ก็เลย พยายามหาทรงที่ยังไม่ได้เรียนมาฝาก โดยลอกจากหนังสือ Basic Flower ของ คุณมุกดา ใจชื่อ ของสำนักพิมพ์แม่บ้านค่ะ
การจัดทรงพัด ในหนังสือบอกว่าเป็นแบบมีเส้นฉากหลังพุ่งออกจากจุดเดียวกัน เหมือนเส้นแกนกลางของพัด ก้านดอกไม้ที่ปักเป็นฉากจะยาวเท่ากัน และมีดอกไม้ที่มีน้ำหนักมากมาปักเป็นจุดสนใจค่ะ
เริ่มจาก1) บรรจุโอเอซิสลงภาชนะ
2)แล้วปักใบเตยเป็นแผงข้างหลัง และปักใบพัดโบกบริเวณด้านหน้าแจกัน
3)เอาดอกลิลลี่แดง(จุดสนใจ)ปักบริเวณกลางภาชนะ แต่งด้วยกุหลาบเป็นแนวตามใบเตยหอม
40ปักกุหลาบอีกแถวให้ลดหลั่นลงมาจากแถวแรก สุดท้ายก็ปักดอกแคสเปียร์เสริมเพื่อดูนุ่มนวลขึ้นอีก


                                  ข้อควรระวังในการจัด

1 อย่าปักให้ก้านขัดหรือไขว้กันไปมา
2 ปักลึกพอสมควร
3 ตัดก้านเฉียงมากๆ
4 ให้เกิดสมดุลย์ทั้งซ้ายขวา
5 ปักให้ขนานกับภาชนะ
6 ต้องมีจุดสนใจที่เด่นชัด เพื่อดึงน้ำหนักของเส้นฉากหลังให้กลมกลืน กับตัวภาชนะ
7 อย่าปักให้มองดูควำหน้าหรือหงายหลังมากเกินไป

การจัดดอกไม้ทรงพานพุ่ม

การจัดดอกไม้ทรงพานพุ่ม

     โครงการ “เย็บร้อย ค่อยจีบ ประดิษฐ์ใบตอง” ระดับชาติ ครั้งที่ 1 จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.)ศาสตราจารย์ มณีรัตน์ จันทนะผลิน อาจารย์ประจำหลักสูตรคหกรรมศาสตร์ โรงเรียนการเรือน มสด. ประธานคณะกรรมการตัดสิน กล่าวว่า ตั้งแต่สมัยโบราณเป็นต้นมา มนุษย์นิยมใช้ใบตองห่ออาหาร และขนมต่างๆ รวมถึงการดำเนินชีวิตประจำวัน ได้มีผู้ประดิษฐ์ใบตองเพื่อความสวยงาม อาทิ กระทงบายศรี และภาชนะต่างๆ ตลอดจนการเกิดวิวัฒนาการงานฝีมืออันมีต้นกำเนิดจากพระบรมมหาราชวัง โดยการนำลูกหลานเข้าถวายตัว เพื่อขอรับการฝึกศิลปวัฒนธรรม และเริ่มมีการประกวด ประชันกันอย่างแพร่หลายในหมู่ประชาชนทั่วไป

“มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตมีการพัฒนาต่อเนื่องและยาวนานบนรากฐานวัฒนธรรมดั้งเดิมของความเป็นไทยภายในเขตพระราชฐาน เริ่มจากก่อตั้งเป็นโรงเรียนการเรือนแห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “โรงเรียนมัธยมวิสามัญการเรือน” เพื่อฝึกวิชาการเรือนสำหรับสตรี ทั้งด้านอาหาร โภชนาการ ศิลปะประดิษฐ์การตัดเย็บเสื้อผ้า เพื่อให้เยาวชนของชาติ ได้ตระหนักถึงคุณค่าของการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตจึงได้จัดกิจรรมนี้ขึ้นเพื่อให้นิสิต นักศึกษาได้ร่วมอนุรักษ์และสืบสานมรดกอันล้ำค่าของชาติในการประดิษฐ์ใบตอง และวัสดุธรรมชาติสืบต่อไป”

มทร.พระนคร คว้า 2 แชมป์ “เย็บร้อย ค่อยจีบ ประดิษฐ์ใบตอง”

สำหรับการประกวดระดับอุดมศึกษา แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ การประกวดตกแต่งต้นเทียนพรรษา การประกวดพานพุ่มเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสพระชนมายุ 83 พรรษา และการประกวดการจัดดอกไม้แนวประณีตศิลป์ โดยมีกฎเกณฑ์การตัดสินจาก ความพร้อม รูปร่าง รูปทรง ขนาด สัดส่วน สีสัน ความประณีต ความกลมกลืน และความคิดสร้างสรรค์

มทร.พระนคร คว้า 2 แชมป์ “เย็บร้อย ค่อยจีบ ประดิษฐ์ใบตอง”

ผลปรากฏว่า รางวัลชนะเลิศประเภทตกแต่งต้นเทียนพรรษา ตกเป็นของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (โชติเวช) รับถ้วยรางวัลพร้อมทุนการศึกษา 20,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง รับถ้วยรางวัลพร้อมทุนการศึกษา 15,000 บาท และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตาก รับถ้วยรางวัลพร้อมทุนการศึกษา 10,000 บาท

มทร.พระนคร คว้า 2 แชมป์ “เย็บร้อย ค่อยจีบ ประดิษฐ์ใบตอง”

สำหรับการประกวดพานพุ่มเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุ 83 พรรษา รางวัลชนะเลิศตกเป็นของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (โชติเวช) รับถ้วยรางวัลพร้อมทุนการศึกษา 10,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เขตพื้นที่พิษณุโลก รับถ้วยรางวัลพร้อมทุนการศึกษา 8,000 บาท และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง รับถ้วยรางวัลพร้อมทุนการศึกษา 6,000 บาท

มทร.พระนคร คว้า 2 แชมป์ “เย็บร้อย ค่อยจีบ ประดิษฐ์ใบตอง”

ส่วนการประกวดการจัดดอกไม้แนวประณีตศิลป์ รางวัลชนะเลิศเป็นของวิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ รับถ้วยรางวัลพร้อมทุนการศึกษา 10,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จังหวัดนครราชสีมา รับถ้วยรางวัลพร้อมทุนการศึกษา 8,000 บาท และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ รับถ้วยรางวัลพร้อมทุนการศึกษา 6,000 บาท

มทร.พระนคร คว้า 2 แชมป์ “เย็บร้อย ค่อยจีบ ประดิษฐ์ใบตอง”

“เราเน้นการจัดรูปทรง สีสัน และลูกเล่นจากการไล่สีดอกไม้ รวมไปถึงความหมายจากดอกไม้ที่นำมาใช้ เช่น ดอกดาวเรืองสีเหลืองที่สื่อความหมายถึงความรุ่งเรือง ดอกรัก-ดอกพุดที่เกี่ยวกับศาสนา เพื่อป้องกันการสีของใบตองและดอกไม้เปลี่ยน สำหรับเทคนิคที่สำคัญที่ทำให้งานนี้ออกมาได้อย่างสำเร็จ คือ ความชื่นชม และความสามารถของสมาชิกในทีมทั้ง 10 คน แค่เรามีฝีมือการเย็บ ร้อยดอกไม้ แล้วนำมาผสมผสานกับศิลปะของการจัดดอกไม้ก็ทำให้เกิดผลงานที่แปลกใหม่ และมีความหมายอยู่ในตัวของผลงานชิ้นนั้น”

มทร.พระนคร คว้า 2 แชมป์ “เย็บร้อย ค่อยจีบ ประดิษฐ์ใบตอง”

ด้าน ศักรินทร์ หงส์รัตนาวรกิจ อาจารย์ที่ปรึกษากล่าวเสริมว่า เด็กแต่ละคนมีฝีมือและความสามารถที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการแบ่งหน้าที่ของการทำงานให้ชัดเจนมายิ่งขึ้น “เด็กนักศึกษาบางคนชอบร้อยมาลัย บางคนชอบเย็บใบตอง เราก็จะมอบหน้าที่นั้นไป ให้ผลงานออกมาเป็นฝีมือของคนคนเดียว สิ่งที่สำคัญของการทำงานชิ้นนี้ เด็กจะต้องมีสมาธิระหว่างการทำงาน พยายามใช้ศิลปะอย่างถูกวิธี ซึ่งเรามีการเตรียมพร้อมก่อนเข้าร่วมงาน 3 วัน เย็บกลีบดอกไม้ไว้ก่อน เช่น การเย็บใบตองจะสามารถเก็บไว้ได้นาน 3 วัน และดอกไม้สด 2 วัน ใช้วิธีการห่อผ้าและนำไปแช่ตู้เย็น จะทำให้สีสดไม่เหี่ยวง่าย”

มทร.พระนคร คว้า 2 แชมป์ “เย็บร้อย ค่อยจีบ ประดิษฐ์ใบตอง”

“บิล-อรรถพล เลโหย่" นักศึกษาจากวิทยาลัยเชียงใหม่ เผยถึงเทคนิคการจัดดอกไม้แนวประณีตศิลป์ว่า การจัดดอกไม้แต่ละครั้งไม่ว่าจะเป็นรูปแบบพานพุ่ม จัดต้นเทียนพรรษาก็ตามจะต้องมีรูปแบบและแรงบันดาลใจในการทำผลงานแต่ละครั้งเพื่อให้ผลงานออกมาอย่างมีความหมาย “เสน่ห์ของการจัดดอกไม้อยู่ที่ความสุขของผู้จัด หากไม่มีใจรักหรือชื่นชม ทำอย่างไรผลงานก็ออกมาไม่สวย ต้องรักและอยากจะทำจริงๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น ผู้ชายก็สามารถทำได้เช่นกัน จากผลงานที่เข้าประกวดจนได้รับรางวัล เราใช้ธรรมชาติในการสื่อความหมาย ความสดใสของดอกไม้ ธรรมชาติที่ใช้น้ำพุมาเป็นองค์ประกอบในการจัด รวมไปเทคนิคการจัดที่ไม่เน้นด้านใดด้านหนึ่ง แต่จะสามารถมองผลงานได้รอบด้านและสวยงาม”

แบบประดิษฐ์

การจัดอกไม้ประดิษฐ์



อุปกรณ์และเครื่องมือ
1.แจกันศิลาดลทรงสูง
2.แผ่นโฟมใช้แล้ว(ผู้ที่คุ้นเคยกับการจัดดอกไม้ประดิษฐ์แล้วจะใช้วัสดุปักดอกไม้ประดิษฐ์(Sahara)ก็ได้)
3.กาวลาเท็กซ์
4.คีมตัดลวดขนาดกลาง
5.ดอกไม้ประดิษฐ์โทนสีร้อน(สีส้ม สีแสด สีเหลือง สีบานเย็น และสีขาว )
 
  1 . ขั้นตอนการเตรียมอุปกรณ์
ผู้จัดใช้วัสดุในการจัดเป็นแผ่นโฟมที่ผ่านการใช้งาน(reuse)

แล้วทากาวและบรรจุลงในแจกันศิลาดลทรงสูง


2 . เริ่มต้นการจัดโดยการวางจุดเน้นของแจกันหรือจุดหยุดสายตา

(Focus point)ด้วยดอกแคทลียา


3.ขั้นตอนที่ 2 กำหนดกรอบความสูงระยะ หนึ่งเท่าครึ่งของความสูงของแจกันด้วยดอกไม้ช่อสีส้ม
 
7.ผู้จัดกำหนดกรอบด้วยขวามือด้วยดอกทิวลิปสีเหลือง

   

8.ขั้นตอนต่อไปคือการเติมเต็มทั้งแจกันด้วยดอกฟรีเซียสีม่วงและดอกไม้ขนาดเล็กสีขาวขลิบสีบานเย็น


9.เก็บรายละเอียดด้านด้านหลังแจกัน และดูความเรียบร้อยโดยรวม


แบบงานแต่ง

การจัดดอกไม้งานแต่งงานแบบกลางแจ้ง


ดอกไม้งานแต่งงาน

ดอกไม้งานแต่งงาน

ดอกไม้งานแต่งงาน

   การจัดดอกไม้งานแต่งงานแบบกลางแจ้ง (i Do)

การจัดงานวิวาห์กลางแจ้งแบบ Outdoor เป็นงานวิวาห์ที่ใฝ่ฝันของสาว ๆ หลายคน เพราะให้ความรู้สึกสบาย ๆ และโรแมนติก แต่จะมีปัจจัยเรื่องลม ฟ้า อากาศ และแมลง มาเกี่ยวข้อง ทำให้สาว ๆ อาจล้มเลิกความคิดนี้ เพราะเกรงว่าจะเป็นอุปสรรคในการจัดงาน โดยเฉพาะจัดดอกไม้ในการตกแต่งสถานที่ ดังนั้น วันนี้เราจึงมีคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการจัดงานวิวาห์กลางแจ้งแบบ Outdoor มาฝากกันค่ะ

อันดับแรกการเลือกดอกไม้ ควรเลือกดอกไม้ที่ทนอากาศร้อนได้นาน เช่น กุหลาบ กล้วยไม้ หน้าวัว สังเกตได้จากกลีบที่ไม่บอบบางมาก ก้านแข็งไม่สามารถหักด้วยมือเปล่าได้ สีสันของดอกไม้เลือกสีสันตามเฉดที่ชอบ เพื่อทำให้บรรยากาศดูสดใส เพราะการจัดงาน Outdoor จะไม่มีสีสันของผนังห้องบอลรูม เฟอร์นิเจอร์ และพื้นพรมสีฉูดฉาดลวดลายเยอะ ๆ มาเป็นตัวกำหนด Mood and Tone จึงสามารถเลือกโทนสีได้ตามใจ ทั้งนี้ ต้องดูบรรยากาศของสถานที่ประกอบด้วย เช่น บรรยากาศสวนเป็นสีเขียว สีเขียว-ขาว สีเขียว-เหลือง สีเขียว-ส้ม แต่ถ้าบรรยากาศทะเลก็จะเป็นสีขาวหรือสีฟ้า

ดอกไม้งานแต่งงาน

ดอกไม้งานแต่งงาน

สำหรับสไตล์การจัดดอกไม้ ก็ควรไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงสอดรับกับสถานที่ ถ้าเป็นงานในสวนหรือเป็นสวนแบบบาหลี ดอกไม้ก็ควรจะเป็นแนวเดียวกัน เช่น Bird of Paradise ดอกลีลาวดี เป็นต้น ที่สำคัญในการจัดดอกไม้ การติดตั้งต้องแน่นหนา มั่งคง ไม่ล้มง่าย เพื่อป้องกันลมแรงที่อาจพัดมา

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

แบบทำธุรกิจ





เห็นได้ว่าธุรกิจร้านดอกไม้เกิดขึ้นมากมาย คนรุ่นเก่าก็ยังคงดำเนินธุรกิจอย่างราบรื่นเพราะความเจนเวที ส่วนคนรุ่นใหม่ก็ผันแปรตัวเองเป็นเจ้าของร้านดอกไม้กันมากขึ้น อย่าลืมว่าร้านดอกไม้มีเปิดเยอะก็ปิดเยอะเช่นกัน การที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจใดก็ตามต้องศึกษาข้อมูล และวางแผนให้ดี









ธุรกิจร้านดอกไม้เป็นอีกอาชีพหนึ่งของผู้คนบนเส้นทางไม้ดอกไม้ประดับในสังคมยุควัตถุนิยม ความศิวิไลซ์ที่หลายคนเคยเรียกร้องกันนักหนา ต้องแลกมาด้วยเสน่ห์แห่งธรรมชาติ ถึงวันนี้วันที่สังคมยุควัตถุนิยมได้ก้าวเข้ามาอย่างเต็มตัว กลับทำให้คนเราเหนื่อยล้ากับกิจวัตรประจำวันมากขึ้น จนต้องแสวงหาความสุขทางใจโดยนำตนออกไปหาธรรมชาติ พืชพันธุ์ต่าง ๆ ถูกนำเข้ามาใช้ตกแต่งใกล้ตัวทั้งที่บ้านและที่ทำงาน สังคมยุควัตถุนิยมไม้ดอกไม้ประดับมิได้ถูกใช้แต่เพียงเพื่อความสวยงามตามธรรมชาติเท่านั้น หากแต่ยังถูกใช้เป็นเครื่องแสดงฐานะทางสังคมอีกด้วยค่านิยมในดอกไม้ของคนเพิ่มมากขึ้น ดอกไม้กลายเป็นสื่อแทนความหมายของความรู้สึกต่าง ๆ ทั้งยินดีและเสียใจ ขอโทษหรือขอบคุณไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ธุรกิจร้านดอกไม้เกิดขึ้นมากมาย จะพาท่านผู้อ่านเข้าไปสัมผัสกับผู้คนบนเส้นทางธุรกิจร้านดอกไม้ และบางทีธุรกิจนี้อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สร้างอาชีพให้แก่ท่านในอนาคตก็เป็นได้






ชนิดไม้ดอกไม้ประดับในร้านดอกไม้

ในการจัดดอกไม้ไม่ว่าจะเป็นแจกัน กระเช้า บูเก้ พวงหรีด ฯลฯ ต้องใช้ไม้ดอกไม้ประดับหลายชนิดมาประกอบกัน ทั้งไม้ดอกที่ปลูกในเมืองไทยและที่สั่งซื้อจากต่างประเทศ ดอกไม้ที่ใช้ส่วนใหญ่จะสั่งมาจากต่างประเทศ เช่น คาร์เนชั่น ทิวลิป เบญจมาศ ลิลลี่ เยอบีร่า ยิบโซฟิลล่า มัม ฯลฯ ส่วนใหญ่จะนำเข้าจากประเทศฮอลแลนด์ ออสเตรเลีย มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ ไม้ใบที่นำเข้าจากต่างประเทศก็มีบ้าง สยามฟลาวเวอร์ แลป นำไม้ใบตระกูลสน เฟิน ไม้ป่าหลายชนิดมาจากประเทศออกเตรเลีย ไม้ใบส่วนใหญ่ร้านดอกไม้จะใช้ไม้ที่ปลูกในเมืองไทย เช่น ปริก โปร่งฟ้า ฟิโลเดนดรอน คล้า ดราเซียน่า อโกรนีมา เป็นต้น คราวนี้มาดูไม้ดอกของไทยที่นิยมใช้กันบ้าง ที่นิยมใช้มาก ๆ ก็มีกุหลาบ แกลดิโอลัส กล้วยไม้ มัม เยอบีร่า เบญจมาศ ส่วนใหญ่จะเป็นไม้ดอกที่ปลูกและสั่งตรงมาจากภาคเหนือแถบจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ร้านเค ฟลาวเวอร์ มีสวนผลิตไม้ดอกอยู่ที่ไร่บีเอ็น จ.เพชรบูรณ์ จะนำไม้ดอกที่ผลิตบางส่วนมาใช้ที่ร้าน ดังนั้นร้านดอกไม้จึงเสมือนแหล่งรองรับผลผลิตจากไร่

นิยมใช้ไม้นอก..ไม้ไทยจึงตกอับ

ดอกไม้ไทยมักถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลายกระแสในแวดวงธุรกิจร้านดอกไม้ว่า เป็นดอกไม้ที่มีความบอบบาง ชอกช้ำง่าย อายุการปักแจกันสั้น ปักได้ไม่เกิน 5 วันก็บางแฉ่งร่วงกราวแล้วและดอกไม้ที่ออกตลาดในแต่ละช่วงมักเป็นสีเดียวเกือบทั้งตลาด ทำให้ต้องซื้อดอกไม้นอกมาแซมเพื่อให้มีหลาย ๆ สี อีกทั้งดอกไม้ไทยเห็นกันบ่อยจึงไม่มีความแปลก รวมความแล้วก็สรุปกันว่าไม่มีคุณภาพ ใช้ไม้ไทยแล้วเกรดร้านตกว่างั้นเถอะ ร้านสุพรรณิการ์กล่าวว่า “ถ้าดอกไม้ไทยพัฒนาคุณภาพในเรื่องขนาดของดอก สีสัน อายุการปักแจกันและความคงทนได้เท่าไม้นอกก็จะใช้ไม้ไทย ความจริงแล้วไม้ดอกหลายชนิด ปลูกได้ในเมืองไทย เช่น กุหลาบ เยอบีร่า เบญจมาศ มัม พีค็อค แกลดิโอลัส ฯลฯ แต่คุณภาพยังสู้ต่างประเทศไม่ได้ มีเพียงกล้วยไม้และกุหลาบเท่านั้นที่คุณภาพดีและใช้ได้” ร้านบุษบาบัณกล่าวว่า “ดอกไม้บ้านเราปริมาณในแต่ละฤดูกาลไม่แน่นอน พอย่างเข้าช่วงปลายปีดอกไม้แทบทุกชนิดก็พร้อมใจกันออกดอก ทำให้ช่วงหน้าหนาวของทุกปีมีดอกไม้หลายชนิดออกมาเกินความต้องการของตลาด ราคาย่อมถูกลง จากที่เคยขายเป็นกำกลายเป็นขายเป็นกิโล ผู้ปลูกดอกไม้ก็แย่ แต่ช่วงวาเลนไทน์ดอกกุหลาบใช้เยอะมากขาดตลาด ผู้ปลูกก็ถือโอกาสขึ้นราคาจากราคาที่เคยส่ง 5-8 บาท เพิ่มเป็น 20-30 บาท ร้านดอกไม้หลายร้านต้องลดการซื้อดอกกุหลาบลง แล้วสั่งดอกไม้ชนิดอื่นจากต่างประเทศ เช่น ทิวลิป คาร์เนชั่น มัม มิโมซ่า มาทดแทน หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้อยู่ ผู้ปลูกกุหลาบอาจจะต้องน้ำตาตกภายหลังก็ได้”



คราวนี้มาดูคุณภาพไม้นอกกันบ้าง ดอกใหญ่ ก้านยาว สีสดและมีให้เลือกเกือบครบทุกสีทุกชนิด อายุการปักแจกันนาน 10-15 วัน บางชนิดมีความแปลก สวย ทำให้ดูเป็นไม้เกรดดีมีราคาไป เป็นที่นิยมของทั้งผู้จัดและลูกค้า อีกทั้งช่วงหน้าร้อนดอกไม้ในเมืองไทยคุณภาพแย่ลง และขาดแคลนมากเพราะผู้ปลูกถือโอกาสพักต้น ช่วงนี้ร้านดอกไม้จะสั่งดอกไม้จากเมืองนอกเข้ามาทดแทน เพราะเมืองนอกเขาจะปลูกขายโดยเฉพาะ มีการวางแผนการปลูก ดอกไม้ทุกชนิดจึงมีทุกฤดูกาล เห็นได้ว่าไม้นอกมีข้อได้เปรียบไม้บ้านเราหลายข้อทีเดียว



การรักษาคุณภาพดอกไม้ยังถูกมองข้าม

ดอกไม้เมื่อตัดจากต้นถ้าจะให้เสื่อมคุณภาพช้าลงและมีอายุการปักแจกันนานขึ้น ต้องมีการรักษาคุณภาพดอกไม้ ทั้งผู้ปลูกดอกไม้และผู้ที่นำดอกไม้ไปใช้ยังให้ความสำคัญกับการรักษาคุณภาพดอกไม้น้อยมาก จะนำมาตัดก้านแช่ในถังน้ำสะอาดแล้วนำเข้าตู้แช่ทันที สยามฟลาวเวอร์ แลปบอกว่า “ไม้บางชนิดไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยายืดอายุ เพราะปริมาณดอกไม้จะสั่งซื้อไม่มากเกินไป ให้ปริมาณพอดีสำหรับใช้งานเท่านั้น ถ้าดอกไม้เหลือก็จะทิ้งไป สำหรับดอกไม้ต่างประเทศ จะมีน้ำยายืดอายุและอาหารเสริมช่วยให้ดอกไม้ฟื้นตัวเร็วขึ้นบรรจุในซองเล็ก ๆ มาพร้อมกับดอกไม้ เวลาจะใช้ก็นำมาละลายน้ำแช่ดอกไม้ได้เลย ดอกไม้ที่มีราคาแพงจึงจะใช้น้ำยายืดอายุเป็นน้ำยาจากฮอลแลนด์ ส่วนร้านสุพรรณิการ์กล่าวว่า “ใช้หรือไม่ใช้น้ำยายืดอายุก็เหมือนกัน ดอกไม้จะถูกใช้งานหมดก่อนดอกไม้เหี่ยว แก้ปัญหาโดยการสั่งซื้อปริมาณพอดีกับการใช้งานดีกว่า ถ้าดอกไม้เหลือจากการใช้งานก็จะทิ้งหมด ยกเว้นกุหลาบจะนำมาตากแห้งทำบุหงา” ความจริงแล้วมีการพิสูจน์และทดลองแล้วว่า น้ำยายืดอายุการปักแจกันสามารถทำให้อายุการใช้งาน่ของดอกไม้ยาวนานขึ้น น้ำยาแต่ละชนิดจะใช้ได้ผลดีกับดอกไม้แต่ละชนิด ที่สยามฟลาวเวอร์ แลป มีจำหน่ายเป็นน้ำยายืดอายุจากฮอลแลนด์ ก็ลองสอบถามและลองนำมาใช้ดูได้

ไม้ตัดดอกเขตร้อน..ในร้านดอกไม้

ไม้ตัดดอกเขตร้อน เช่น ดาหลา ขิงแดง ปทุมมา เฮลิโคเนีย ที่หลายฝ่ายพยายามส่งเสริมด้านการปลูกและการตลาด จนกลายเป็นกลุ่มไม้ตัดดอกที่ถูกจับตามองในปัจจุบัน บทบาทของไม้ดอกเหล่านี้ในร้านดอกไม้เป็นอย่างไร ร้านดอกไม้ต่างก็มีความเห็นไปในทำนองเดียวกันว่า ถ้าเปรียบไม้ดอกเขตร้อนกับไม้ดอกเมืองหนาวแล้ว ด้านราคาอาจจะพอ ๆ กัน ไม้ดอกเมืองหนาวราคาอาจจะแพงกว่านิดหน่อย จึงเลือกใช้ไม้ดอกเมืองหนาวมากกว่า ลูกค้าจะนิยมมากกว่า เมื่อนำไม้ดอกเขตร้อนมาจัด ลูกค้ากลับมองว่าเป็นไม้หาง่าย ไม่มีค่าไม่มีราคา จึงไม่นิยมใช้ นอกจากนี้ไม้ตัดดอกเขตร้อนยังมีปัญหาด้านการจัดหรือรูปแบบการจัดให้เข้ากับดอกไม้ชนิดอื่น ไม้ดอกเมืองหนาวจัดให้สวยได้ง่ายกว่า ไม้ดอกเขตร้อนจะนิยมใช้ในงานที่ไม่ต้องแสดงรายละเอียดมาก เช่น โรงแรม งานแต่งงาน งานศพ ซึ่งเป็นงานชั่วคราวมากกว่า สำหรับการส่งออกเพื่อใช้เป็นไม้ตัดดอกสำหรับร้านดอกไม้ในต่างประเทศ ก็ยังมีปัญหาในเรื่องของขนาดดอก น้ำหนัก การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว ตลอดจนการขนส่ง หากกรมส่งเสริมจะส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก ต้องให้กรมวิชาการเกษตรหรือมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้อง ทำการวิจัยเกี่ยวกับไม้ตัดดอกเขตร้อนตั้งแต่การปลูกไปจนถึงการเก็บเกี่ยว โดยเฉพาะการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวที่เป็นปัญหาหนักอกอยู่ในขณะนี้ สำหรับเฮลิโคเนียควรให้มีความหลากหลายของสายพันธุ์มากกว่านี้ ขณะที่เกษตรกรเพิ่มพื้นที่ปลูกมากขึ้นแต่งานวิจัยบ้านเรายังไม่ครบวงจร เนื่องจากขาดการวิจัยอย่างต่อเนื่องนั่นเอง จึงยากต่อการพัฒนา

เทศกาลทองของร้านดอกไม้

                                                                    ธุรกิจร้านดอกไม้เป็นธุรกิจที่พึ่งพาเทศกาลและฤดูกาลเป็นปัจจัยหลักในการทำรายได้ ช่วงที่ดอกไม้เบ่งบานหรือเทศกาลทองของร้านดอกไม้จะเป็นช่วงเทศกาลสำคัญของไทย เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ ฯลฯ ช่วงที่ร้านดอกไม้ขายดิบขายดีเห็นจะเป็นช่วงที่มีการโยกย้ายเปลี่ยนแปลงตำแหน่งช่วงรับปริญญาของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ช่วงวาเลนไทน์ บางคนเปรียบการให้ดอกไม้เป็นของขวัญเหมือนแทนคำอวยพรขอให้ผู้รับมีชีวิตที่สวยงามเหมือนดอกไม้บาน ซึ่งเป็นช่วงที่สวยที่สุดของดอกไม้และเป็นจุดสูงสุดแห่งชีวิตเช่นกัน ช่วงที่ซบเซาคือช่วงหลังวันวาเลนไทน์ ธุรกิจร้านดอกไม้จะเริ่มตกพอ ๆ กับอากาศที่ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง

เตรียมตัวเป็นเจ้าของร้านดอกไม้อย่างไร

ธุรกิจร้านดอกไม้เป็นธุรกิจการให้บริการแต่ต้องเก่งในเรื่องการบริหารด้วย นอกจากจะใช้ฝีมือในการจัดดอกไม้แล้ว ความรอบรู้และเฉลียวฉลาดเกี่ยวกับธุรกิจก็เป็นคุณสมบัติหนึ่งที่จำเป็นต้องมีนอกเหนือจากทุนทรัพย์ที่มีอยู่เต็มกระเป๋าแล้ว ถ้าจะเปิดร้านดอกไม้เงินทุนเป็นปัจจัยแรกที่ต้องมีและต้องเป็นเงินทุนหมุนเวียนด้วย ต่อไปคือทำเลที่ตั้งของร้านต้องดูว่าบริเวณนั้นมีอะไรบ้าง ถ้ามีสำนักงาน(ออฟฟิศ) ธนาคาร มหาวิทยาลัย อยู่นั่นคือความน่าจะเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จ เช่น ร้านสุพรรณิการ์ และ เค ฟลาวเวอร์ ลูกค้าจะมีอยู่ทั่วไปโดยเฉพาะแถบบางเขน ประชาชื่น รามอินทรา และพหลโยธิน ส่วนสยามฟลาวเวอร์ แลป จะจับลูกค้าแถวสุขุมวิท สีลม สุรวงศ์ เป็นต้น จากนั้นก็คือต้องมีความสามารถในการจัดดอกไม้ที่จะดึงจุดเด่นและสไตล์ของตัวเองออกมา ถอดความรู้สึกออกมาแล้วจัดเป็นดอกไม้ เห็นได้ว่าธุรกิจร้านดอกไม้เกิดขึ้นมากมาย คนรุ่นเก่าก็ยังคงดำเนินธุรกิจอย่างราบรื่นเพราะความเจนเวที ส่วนคนรุ่นใหม่ก็ผันแปรตัวเองเป็นเจ้าของร้านดอกไม้กันมากขึ้น อย่าลืมว่าร้านดอกไม้มีเปิดเยอะก็ปิดเยอระเช่นกัน การที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจใดก็ตามต้องศึกษาข้อมูล และวางแผนให้ดี

ธุรกิจร้านดอกไม้นับเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยในวงการไม้ดอกไม้ประดับ นอกจากจะส่งเสริมอาชีพให้แก่ผู้จัดดอกไม้แล้ว ยังสร้างอาชีพให้แก่ผู้ปลูกไม้ตัดดอกเพื่อส่งร้านดอกไม้อีกด้วย ทั้งนี้ต้องพัฒนาคุณภาพดอกไม้บ้านเราให้ดีเสียก่อน เมื่อถึงวันนั้นไม้ตัดดอกบ้านเราคงจะเข้ามามีบทบาทในร้านดอกไม้มากกว่าทุกวันนี้ ไม้ดอกของมาเลเซียเพื่อนบ้านของเราขณะนี้พัฒนามากกว่าของเรามาก ทั้งนี้เนื่องจากประเทศฮอลแลนด์ได้เข้ามาลงทุนเปิดสาขาในมาเลเซียนับเป็นการส่งเสริมการผลิตและการตลาดของทั้งสองประเทศอีกทางหนึ่ง อีกทั้งสภาพแวดล้อมของมาเลเซียมีความเหมาะสมในการปลูกไม้ดอกเมืองหนาวได้ดีกว่าบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นเบิร์ดออฟพาราไดซ์ หน้าวัว ลิลลี่ เบญจมาศ คาร์เนชั่น ฯลฯ เช่นที่ คาเมรอนไฮแลนด์ ซึ่งเคหการเกษตรเคยนำเสนอไป ซึ่งไม้ดอกเมืองหนาวหลายชนิดของที่นี่ยังป้อนตลาดเมืองไทยเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ขณะที่ไม้ดอกเมืองหนาวของไทยยังกระท่อนกระแท่น เพราะปัญหาเรื่องพื้นที่ปลูกที่ยังขาดการสนับสนุนจากรัฐอย่างแท้จริง รวมไปถึงงานวิจัยที่ขาดทิศทางที่จะให้ตอบสนองความต้องการของผู้ปลูก

สำหรับเกษตรกรที่จะเข้าสู่ธุรกิจไม้ดอก รายเก่าเอาตัวรอด แต่รายใหม่ต้องผ่านร้อนหนาวอีกพอสมควร ต้องมีความอดทน สายป่านยาว ศึกษาข้อมูลทั้งชนิดที่จะปลูกเทคโนโลยีและตลาดที่ชัดเจน อย่าเชื่อข้อมูลที่ไม่ได้ตรวจสอบด้วยตัวเองเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะกลายเป็นแมลงเม่าเข้ากองไฟ